ผลกระทบของไฟกระชากต่อ Power Supply และวิธีป้องกัน

   ไฟกระชาก (Power Surge) เป็นปัญหาที่มักถูกมองข้าม แต่ผลกระทบที่ตามมานั้นอาจสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคุณ โดยเฉพาะ Power Supply ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการจ่ายไฟให้กับทุกส่วนของเครื่อง ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจว่าทำไมไฟกระชากถึงเกิดขึ้น และคุณสามารถป้องกันปัญหานี้ได้อย่างไร

  ไฟกระชากคือการเพิ่มขึ้นของแรงดันไฟฟ้าที่มาแบบฉับพลันและกินเวลาสั้น ๆ (มิลลิวินาทีถึงไม่กี่วินาที) โดยทั่วไป ไฟฟ้าที่จ่ายเข้าสู่บ้านควรมีแรงดันที่คงที่ แต่ไฟกระชากเกิดขึ้นเมื่อแรงดันเพิ่มขึ้นเกินค่าปกติ ซึ่งมักจะอยู่ที่ 220-240 โวลต์ในระบบไฟฟ้าของประเทศไทย

1. ฟ้าผ่า: เมื่อฟ้าผ่าลงใกล้พื้นที่ ระบบไฟฟ้าอาจได้รับแรงดันสูงเกินชั่วขณะ
2. อุปกรณ์ไฟฟ้ากำลังสูง: เช่น เครื่องปรับอากาศหรือมอเตอร์ขนาดใหญ่ที่เปิด-ปิด อาจทำให้เกิดแรงดันไฟฟ้าเพิ่มขึ้นในวงจร
3. ปัญหาจากระบบไฟฟ้า: เช่น สายไฟเสื่อมสภาพ หม้อแปลงไฟฟ้าทำงานผิดพลาด หรือไฟฟ้าดับแล้วกลับมาอย่างกะทันหัน
   
   

1. ส่วนประกอบภายใน PSU เสื่อมสภาพเร็วขึ้น: การเพิ่มขึ้นของแรงดันไฟฟ้าสามารถทำให้ตัวเก็บประจุ (Capacitor) และวงจรอื่น ๆ ใน PSU เสียหายหรือเสื่อมประสิทธิภาพเร็วกว่าอายุการใช้งานปกติ
2. ไฟฟ้ากระตุก: ไฟกระชากอาจทำให้การจ่ายไฟไม่สม่ำเสมอ ส่งผลให้อุปกรณ์เช่น เมนบอร์ด, GPU, หรือฮาร์ดดิสก์ ได้รับความเสียหาย
3. PSU ชำรุดถาวร: หากไฟกระชากแรงมากและไม่มีระบบป้องกัน PSU อาจหยุดทำงานทันที หรือระเบิดเนื่องจากแรงดันเกิน
   
   

• ฮาร์ดดิสก์เสียหาย: ไฟกระชากอาจทำให้ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์สูญหายหรือไม่สามารถเข้าถึงได้
• GPU และ CPU เสียหาย: ระบบจ่ายไฟที่ไม่สม่ำเสมอจะส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของอุปกรณ์สำคัญเหล่านี้
• อุปกรณ์ต่อพ่วงพัง: เช่น จอภาพ, เครื่องพิมพ์, หรืออุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่าน USB
  
  

1. ใช้ปลั๊กไฟแบบมีระบบป้องกันไฟกระชาก (Surge Protector):
   ปลั๊กไฟประเภทนี้ช่วยลดแรงดันไฟฟ้าที่เกินเข้ามาก่อนที่จะถึงอุปกรณ์คอมพิวเตอร์

2. ติดตั้ง UPS (Uninterruptible Power Supply):
   อุปกรณ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันไฟกระชาก แต่ยังสำรองพลังงานในกรณีไฟฟ้าดับ

3. สายดินที่ถูกต้อง:
   การติดตั้งระบบสายดินที่เหมาะสมในบ้านหรือสำนักงานช่วยลดโอกาสเกิดไฟกระชากและไฟฟ้าลัดวงจร

4. อย่าใช้อุปกรณ์เกินกำลัง:
   การต่อพ่วงอุปกรณ์ไฟฟ้าจำนวนมากในเต้าเสียบเดียว อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดไฟกระชาก

5. เลือกใช้ Power Supply คุณภาพสูง:
   PSU ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ป้องกันไฟกระชาก เช่น OVP (Over Voltage Protection) และ UVP (Under Voltage Protection) ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดความเสียหาย
   
   
   

• ตรวจสอบระบบไฟฟ้าประจำปี: โดยเฉพาะบ้านหรือสำนักงานที่มีอุปกรณ์ไฟฟ้ากำลังสูง
• ไม่ควรใช้งานปลั๊กไฟราคาถูก: ปลั๊กไฟคุณภาพต่ำมักไม่มีระบบป้องกันไฟกระชาก และอาจทำให้ความเสียหายลุกลาม
• ลงทุนใน PSU ที่มีมาตรฐาน: เช่น PSU ที่ได้รับการรับรอง 80 Plus Gold หรือสูงกว่า
  
  
  

ไฟกระชากอาจเป็นภัยเงียบที่ทำลายอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ของคุณได้โดยไม่ทันตั้งตัว การลงทุนในระบบป้องกันที่เหมาะสม เช่น ปลั๊กไฟคุณภาพดี, UPS และ Power Supply ที่มีระบบป้องกันไฟกระชากในตัว ไม่เพียงช่วยปกป้องคอมพิวเตอร์ของคุณ แต่ยังช่วยลดความเสียหายในระยะยาว

หากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือก Power Supply หรืออุปกรณ์ป้องกันไฟกระชาก [ร้านแรนด์โน๊ตบุ๊ค] พร้อมให้คำปรึกษาโดยทีมผู้เชี่ยวชาญ!